-

-

วันอังคาร

แมวในประวัติศาสตร์ / 2


lovelyfriends.เพื่อนรักสัตว์เลี้ยง เรื่องของน้องเหมียวน่ารัำก "แมวในประวัติศาสตร์" ภาค 2 นะคะ่ ภาค 1 จะพูดถึงชาวอียิปต์ที่นับถือแมว ภาคนี้ก็มี อินเดีย ญี่ปุ่น พม่า ฯลฯ ติดตามนะค่ะ




แมวในประวัติศาสตร์

เมื่อราว 2,000 ปีก่อน มีข้อเขียนสันสกฤตพูดถึงบทบาทของแมวในสังคมอินเดีย ส่วนในจีนเมื่อราว 500 ปีก่อนคริสต์กาล มีหลักฐานว่าขงจื๊อเลี้ยงแมวตัวโปรดอยู่ตัวหนึ่งประมาณปี ค.ศ.600 นักพยากรณ์ชื่อ มูฮะมัด ท่องบทสวดพร้อมกับอุ้มแมวไปด้วย


ในนิทานความเชื่อของชาวญี่ปุ่นเชื่อว่า แมวเป็นร่างชั่วคราวสำหรับวิญาณจะไปสู่สรวงสวรรค์ ชาวญี่ปุ่นจึงนิยมเลี้ยงแมวไว้ในวัดเพื่อรักษาคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์

ประเทศพม่าถือว่าแมวพันธุ์บาร์แมน (Birman) เป็นแมวศักดิ์สิทธิ์ซึ่งมีเรื่องตามตำนานเล่าว่า วัดแห่งหนึ่งในพม่าถูกทำลาย พระสงฆ์ถูกฆ่าตายอย่างทารุณ แต่แมวบาร์แมนตัวโปรดของเจ้าอาวาสกระโดดข้ามศรีษะท่านเหมือนจะปลุกวิญญาณพระเข้าสิงอยู่ในร่างแมวบาร์แมน

แม้ทุกวันนี้ คนพม่าก็ยังใช้ขนของแมวพันธุ์นี้ขับไล่สิ่งชั่วร้าย นอกจากนี้ ชาวเรือในพม่าจะรักแมวมาก เพราะถือว่าเป็นตัวมงคลนำโชคดีมาสู่อาีชีพของพวกเขา นอกจากมันจะช่วยจับหนูในเรือสินค้าแล้ว พวกเขายังเชื่ออีกว่ามันมีสัมผัสที่ 6 ที่จะบอกเหตุสังหรณ์ทางลมฟ้าอากาศได้ล่วงหน้าอีกด้วย

ถึงแม้ว่าแมวจะได้รับการปฏิบัติจากผู้คนในสังคมเป็นอย่างดีมานานหลายพันปี แต่ก็มีบางช่วงที่พวกมันตกอยู่ในอันตราย อย่างในช่วง 300-400 ปีที่ผ่านมา แมวหลายพันตัวถูกฆ่าตายไปเสียมากต่อมาก เพราะในทวีปยุโรปผู้คนพากันหวาดกลัวกับลัทธิแม่มดหมอผีกันมาก ด้วยความเชื่อที่ว่าพวกแม่มดสามารถแปลงร่างเป็นแมวได้ในยามที่พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน

ปลายสมัยกลาง หลายประเทศทางยุโรปพยายามจะทำลายแมวให้สูญพันธุ์ เพราะต่างพากันหวาดกลัวลัทธิแม่มดหมอผีทั่วไป ผู้หญิงไม่มีความผิด และแมวที่น่าเอ็นดูถูกเผาตายเป็นจำนวนมาก แม้เด็กทารกที่เกิดใหม่ถ้ามีดวงตาเป็นประกาย

หรือมีรูปร่างหน้าเจ้าเล่ห์คล้ายแมวก็จะถูกเผาทั้งเป็นไปด้วย เพราะเชื่อว่าทารกน้อยนี้เมื่อเติบใหญ่จะกลายเป็นแม่มด ซึ่งกลายร่างเป็นแมวดำในตอนกลางคืน ที่ฝรั่งเศสแต่ละเดือน แมวหลายพันตัวจะถูกเผา จนถึงศตวรรษที่ 16 พระเจ้าหลุยส์ที่ 8จึงทรงออกกฏหมาายห้ามกระทำที่ผิดศีลธรรมเยี่ยงนี้เสีย

หรืออย่างในยุคฟื้นฟูวิทยาการใหม่ราวศตวรรษที่ 14-16 (Renaissance) แมวดำจำนวนมากถูกฆ่าตาย เพราะชาวคริสเตียนรังเกียจแมวดำ ซึ่งเป็นสัตว์ชักลากรถทรงของเทวีเฟรยา (Freya) เทพธิดาแห่งความตายของชาวยุโรปตอนเหนือ หากนางปรากฎร่าง ณ ที่ใดที่ตรงนั้นจะมีคนตายด้วยเสมอ เพื่อเป็นการสกัดกั้นการมาของนาง ชาวยุโรปจึงช่วยกันทำลายล้างแมวสัตว์เทียมรถของนางเสียให้สิ้นซาก

มีอมตะวาจาท่านผู้นำจีนผู้ล่วงลับไปแล้วนั่นคือ "นายเติ้งเสี่ยวผิง" ที่กล่าวถึงคนในแง่ของการทำงานโดยเปรียบเทียบกับแมวว่า "ไม่ว่าจะเป็นแมวขนสีขาวหรือขนสีดำ ขอให้จับหนูเป็นก็พอ"

ซึ่งตอนแรกก็เชื่อและคิดอยู่เสมอว่า "แมวจะต้องจับหนู" แต่ความเชื่อนี้ถูกลบล้างด้วยสมาคมนักเลี้ยงแมวชาวอเมริกันว่่าไม่เป็นความจริงเสียแล้ว

จากการสังเกตของพวกเขาพบว่า ในหลายปีที่ผ่่านมา แมวบางตัวไม่ชอบจับหนูเอาเสียเลย ต่อให้มันหิวโซและมีหนูวิ่งผ่านหน้ามัน มันก็ไม่ยอดตะครุบ ดีไม่ดีแมวบางตัวพอเห็นหนูต้ัวโตๆ เข้าถึงกับวิ่งหนีหนูก็มี แต่แมวบางตัวมีนิสัยชอบจับหนู ต่อให้เลี้ยงม้ันอย่างสมบูรณ์พูนสุข มันก็ต้องเที่ยวตะปบหนูเล่นอยู่ร่ำไป ถึงไม่จับมากินมันจะฆ่าเล่น เนื่องจากเป็นสันดานดิบของมัน



lovelyfriends2u.เพื่อนรักสัตว์เลี้่ยง
สำหรับน้องเหมียวน่ารัำก "แมวในประวัติศาสตร์" ภาค 2 เพื่อนๆ คงได้รู้ถึงประวัติแมวแต่ละประเทศแล้วซิค่ะ เห็นไหมค่ะว่าแมวมีความสำคัญมากตั้งแต่อดีตกาลที่ผ่านมาเลยค่ะ รู้อย่างนี้อยากเลี้ยงน้องเหมียวเพิ่มไหมค่ะ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ติดตาม

-

free counters