-

-

วันพฤหัสบดี

กระต่ายพันธุ์เนเธอร์แลนด์ ดวอฟ

lovelyfriends2u
เพื่อนรักสัตว์เลี้ยงกระต่ายพันธุ์แลนด์ ดวอฟ (Netherland Dwarf)

ประวัติความเป็นมา

เมื่อประมาณช่วงปี ค.ศ. 1880 หรือราว พ.ศ. 2423 ที่ประเทศอังกฤษ ได้ปรากฎว่ามีกระต่ายสายพันธุ์ดัทช์ได้กำเนิดลูกหลายหลายครอกที่มี สีขาวแต่มีลายสีต่างๆ ไม่เป็นสีขาวทั้งตัว มีตาสีแดง มีลักษณะลำตัวที่เล็ก สั้นกะทัดรัด มีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 1.6-2 กิโลกรัม แต่มีขนที่นุ่มลื่นสวยงาม ซึ่งเป็นที่มาของกระต่ายโปลิช (Polish) แม้ว่ากระต่ายที่ได้จะยังมีเลือดที่ไม่นิ่ง แต่การผสมแบบในสายเลือด (Line Breeding) ทำให้ได้กระต่ายในรุ่นต่อมาที่มีสีขาวมากขึ้น จนกระทั่งได้กระต่ายสีขาวล้วน ตาสีทับทิม (Ruby-Eyed White) ที่เป็นต้นกำเนิดของกระต่ายเนเธอร์แลสด์ดวอฟ ในปัจจุบัน

ด้วยแรงบันดาลใจจากการนำเข้ากระต่ายสายพันธุ์โปลิช มายังสหราชอาณาจักรอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1884 หรือพ.ศ. 2427 กระต่ายพันธุ์โปลิชจากประเทศเยอรมัน ได้ถูกนำมาผสมข้ามพันธุ์กับกระต่ายป่าในประเทศเนเธอแลนด์ที่มีขนาดเล็กโดยบังเอิญ จนทำให้เกิดการถ่ายทอดยีนส์แคระลงในกระต่ายพันธุ์โปลิช ทำให้มีขนาดเล็กและมีลำตัวที่สั้นลง ในเวลานั้นกระต่ายแคระ จึงมีแต่สีขาวล้วนและมีตาสีทับทิม

ในช่วงของสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง กระต่ายแคระ สีขาวตาฟ้า (Blue-Eyed White) ได้ถือกำเนิดขึ้นในจักรวรรดิเยอรมัน แต่ลักษณะของกระต่ายแคระสีขาวตาฟ้า ในขณะนั้นจะมีโครงสร้างกระดูกที่ใหญ่ ลำตัวที่ยาวกว่า ขนหยาบและสั้นกว่าของขาวตาทับทิม จนกระทั่งถึงช่วง ปลายทศวรรษปี 1930 หรือราวพ.ศ. 2480-2483 กระต่ายถูกพัฒนาขึ้นมาในขณะนั้นจึงมีเพียงแค่ 2 ประเภทสีเท่านั้นคือ ขาวตาทับทิม และขาวตาฟ้า

จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1948 หรือ พ.ศ.2491 ถือได้ว่าเป็นยุคเริ่มต้นของกระต่ายเนเธอร์แลสด์ดวอฟ เนื่องจากกระต่ายสายพันธุ์นี้ได้ถูกน้ำเข้าไปยังสหราชอาณาจักรอังกฤษ โดยนักพัฒนาสายพันธุ์กระต่ายในปี ค.ศ.1969 หรือพ.ศ.2512 กระต่ายสายพันธุ์นี้ ได้รับความนิยมในสหรัฐอเมริกา จนได้รับการยอมรับจากสมาคมนักพัฒนาพันธุ์กระต่ายแ่ห่งสหรัฐอเมริการ (The American Rabbit Breeder Association, Inc.หรือ ARBA)

สำหรับประเทศไทย เมื่อปลายปี ค.ศ. 2003 หรือพ.ศ.2546 ได้มีการนำเข้ากระต่ายสายพันธุ์นี้คุณภาพระดับประกวดจากสหรัฐอเมริกาและการจดทะเบียนของสหรัฐฯถือว่ามีระบบที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งดีกว่าของกระต่ายเนเธอแลนด์ ซึ่งยังไม่มีการจดทะเบียนที่มีระบบ (กระต่ายจากสหรัฐฯมีคุณภาพและราคาที่สูงกว่า)

ในปัจจุบันสายพันธุ์นี้เป็นที่ยอมรับและมีชื่อเสียงมากในวงการนักพัฒนาสายพันธุ์กระต่ายสวยงาม จนถือได้ว่าเป็น "อัญมณีแห่งวงการกระต่ายสวยงาม" (Gem of the Fancy Rabbits)

ลักษณะสายพันธุ์
โดยทั่วไปของสายพันธุ์กระต่ายแคระเนเธอร์แลนด์ หรือเนเธอร์แลนด์ดวอฟ คือมีลำตัวสั้น กะท้ัดรัด ไหล่ สะโพก ความสูง มองโดยรวมแล้วสมมาตรกันอย่างสวยงาม หัวมองดูกลม ไม่ว่าจะมองมุมใด คอสั้นมากเท่าที่จะเป็นไปได้ หูตั้ง ตรง มีขนเต็มและมีความแน่น ไม่บางจนเกินไป ตากลมโต สดใส ขนดูแลรักษาง่าย เวลาหวีย้อนแนวขน ขนสามารถกลับมาเป็นทรงเดิมได้

มาตรฐานสายพันธุ์
ลำตัว : ต้องสั้น เล็กกะทัดรัด ไหล่หนา และีมีึความกว้างของสะโพก ความกว้างและส่วนสูงจะต้องใกล้เคียงกัน ไหล่โค้งได้รูปรับกับส่วนโค้งของสะโพกที่กลมกลึง ซึ่งทำให้เน้นความสูงของตัวกระต่าย โดยที่ความกว้างและส่วนสูงจะต้องสมดุลกัน
หัว : หัวโต มีขนาดใหญ่สมดุลกับตัว ตัวผู้จะมีหัวใหญ่กว่าต้วเมีย หัวเป็นทรงกลมเมื่อมองจากทุกทิศทาง ส่วนโค้งของหัวมองดูกลมไม่สะดุด หัวตั้งสูงและติดกับไหล่มากที่สุด
หู : หูจะต้องสั้นและตั้งอยู่บนลำตัว หูตั้ง แต่ไม่จำเป็นต้องชิดติดกัน มีขนเต็มสม่ำเสมอ แสดงถึงความมีเนื้อของส่วนฐานของหูปลายหูมน ความยาวของหูในอุดมคติคือ 2 นิ้ว ขนาดของหูต้องสมดุลกันกับหัวและลำตัว
ตา : ดวงตาต้องกลม โต สดใส สีของตาต้องตรงตามมาตรฐานของประเภทสีที่ทำการประกวด เช่น สีบลูหรือสีสวาดหรือสีเทาควันบุหรี่ ต้องมีตาสีเทา เป็นต้น
หาง : ลักษณะของหางต้องตรง และมีขนเต็ม ถึงแม้ว่าจะไม่มีการให้คะแนนในส่วนหางของกระต่าย
ขน : ลักษณะขนต้องเป็นแบบโรคแ็บ็ค (Rollback) เท่านั้น โรลแบ็ค หมายถึงลักษณะขนที่เมื่อใช้มือลูบย้อนแนวขน ขนจะต้องค่อยๆ กลับคืนตัวสู่ตำแหน่งเดิม คุณภาพของขนต้องนุ่ม หนาแน่นสม่ำเสมอกัน ขนไม่ตายและเป็นมันเงางาม
สี : ลักษณะของสีขนและสีตา ต้องตรงมาตรฐานของสีนั้นๆ สีเล็บก็ต้องตรงตามมาตรฐานของสีนั้นๆ ด้วย กระต่ายจะถูกตัสิทธิ์จากประกวดเมื่อปรากฎเล็บขาว
น้ำหนัก : เมื่อโตเต็มที่คือ 0.9 กิโลกลัม (น้ำหนักมากที่สุดที่สามารถจด ทะเบียนได้ 1.15 กิโลกรัม)

ความรู้มากมายสำหรับเพื่อนรักสัตว์เลี้ยง(รวมสัตว์เลี้ยง) "กระต่ายพันธุ์เนเธอร์แลนด์ ดวอฟ" น่ารักมากๆใช่มั้ยค่ะ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ติดตาม

-

free counters